ประชาสัมพันธ์ อันตรายของการคลอดก่อนกำหนด ประจำเดือนเมษายน
7 เมษายน 2565ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง
ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด คือภาวะที่มดลูกมีการหดรัดตัวสม่ำเสมอ ส่งผลให้ปากมดลูกเปิดและคลอดหลังสัปดาห์ที่ 20 และก่อนสัปดาห์ที่ 37 ของการตั้งครรภ์
ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดอาจทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนด ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพของทารกเนื่องจากการพัฒนาของอวัยวะยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทารกที่คลอดก่อนกําหนดจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในหอผู้ป่วยทารกแรกเกิด
สาเหตุของภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดนั้นยังไม่แน่ชัด โดยภาวะดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้กับหญิงตั้งครรภ์ได้ทุกคน
อาการ
การหดรัดตัวของมดลูกอย่างสม่ำเสมอหรือบ่อย ๆ
ปวดหลังล่างเป็นประจำ
รู้สึกปวดถ่วงบริเวณเชิงกรานหรือท้องน้อย
มีเลือดออกทางช่องคลอด
ภาวะถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนด
ลักษณะของตกขาวที่เปลี่ยนไป
ควรไปพบแพทย์เมื่อไร หากมีอาการดังกล่าวหรือเกิดความกังวลใจ ควรไปพบแพทย์ทันที ไม่ต้องอายหากอาการดังกล่าวกลายเป็นเพียงอาการเจ็บท้องหลอก
ปัจจัยเสี่ยง
อายุมารดาตอนตั้งครรภ์ เช่น อายุน้อยหรือมากเกินไป
ระยะห่างระหว่างการตั้งครรภ์ครั้งก่อนน้อยกว่า 6 เดือนหรือมากกว่า 59 เดือน
เคยมีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดมาก่อน
ตั้งครรภ์ลูกแฝด
ภาวะปากมดลูกสั้น
ภาวะน้ำคร่ำมาก
มีปัญหาเรื่องมดลูกเช่นมีเนื้องอก หรือรกเกาะต่ำ มีเลือดออก
การติดเชื้อที่น้ำคร่ำหรืออวัยวะสืบพันธุ์
มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ตัวเอง หรือภาวะซึมเศร้า
ผ่านเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อร่างกายหรือจิตใจ เช่น การเสียชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รัก
การสูบบุหรี่หรือใช้สารเสพติด
ภาวะแทรกซ้อน ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดอาจนำไปสู่การคลอดทารกคลอดก่อนกําหนด ซึ่งส่งผลให้ทารกมีปัญหาด้านสุขภาพเนื่องจากอวัยวะต่าง ๆ ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ทารกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ อาจมีปัญหาเรื่องระบบการหายใจ ปัญหาด้านสายตาและการมองเห็น ทารกที่เกิดก่อนกําหนดยังมีความเสี่ยงต่อภาวะสมองพิการและปัญหาทางด้านการเรียนรู้และพฤติกรรม
การป้องกัน ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดไม่สามารถป้องกันได้ แต่การดูแลสุขภาพคุณแม่ตั้งครรภ์ก็มีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพครรภ์ให้แข็งแรง
พบสูตินรีแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ปรึกษาแพทย์หากมีอาการที่ทำให้กังวลใจ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดหรือสูบบุหรี่
หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์และดูแลควบคุมอาการของโรค
หลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ที่เว้นระยะห่างระหว่างตั้งครรภ์น้อยกว่า 6 เดือนหรือมากกว่า 59 เดือน
ดูแลควบคุมโรคประจำตัวหากมี